|
หน่วยที่ 3 แหล่งความรู้และระบบการจัดเก็บความรู้
ผศ.จินตนา เกษรบัวขาว
3.1 ความหมายของแหล่งความรู้
แหล่งความรู้ (sources of knowledge) หมายถึงที่ ๆ มีความรู้สถิตอยู่ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคือคนนั่นเอง ทุกคนมีความรู้อยู่แล้วมากน้อยต่างกันชนิดและประเภทของความรู้ก็แตกต่างกันไปตามประสบการณ์ คนแต่ละคนจึงเป็นแหล่งความรู้แต่ละแหล่ง 1 คน คือ 1 แหล่ง ที่ใดมีคนอยู่ที่นั่นก็มีแหล่งความรู้
อย่างไรก็ตามความรู้ในตัวคนสามารถถ่ายทอดออกมาเก็บไว้นอกตัวคนได้ในรูปของการบันทึกลงในวัสดุบันทึก (recorded materials) โดยใช้สัญลักษณ์ต่าง ๆ ตัวอักษรภาษาต่าง ๆ ภาพต่าง ๆ หรือบันทึกลงวัสดุบันทึกเสียง ภาพเคลื่อนไหว สัญญาณต่าง ๆ ที่แปลงสภาพกลับมาเหมือนเดิมได้อีก ความรู้ที่ถ่ายทอดออกจากตัวคนลงวัสดุบันทึกแล้วนี้ เรียกว่า ข้อมูล (data) หรือสารสนเทศ (information) วัสดุที่ใช้บันทึกเหล่านั้นเปลี่ยนสภาพจากวัสดุพื้นฐานธรรมดาเป็น วัสดุสารสนเทศ (information materials) หรือเมื่อมีการรวบรวมไว้มาก ๆ ก็เรียกรวม ๆ ว่าทรัพยากรสารสนเทศ (information resources)
ทรัพยากรสารสนเทศชนิดต่าง ๆ มีพัฒนาการมาแต่โบราณนานไม่น้อยกว่า 5,000 ปีล่วงมาแล้ว นับตั้งแต่มีหลักฐานว่ามนุษย์สามารถคิดประดิษฐ์ตัวหนังสือขึ้นมาใช้สื่อสารกันได้ ดังเช่นหลักฐานตัวอักษรภาพ (pictographs) และอักษรฮีโรกริฟฟิค (hieroglyphics) เขียนบนกระดานปาปิรุส (papyrus) ของอิยิปต์สมัยโบราณ หรืออักษรรูปลิ่ม (cuniforms) ที่จารึกบนแผ่นดินเหนียว (clay) ของชาวเมโสโปเตเมีย ซึ่งถือได้ว่ากระดาษปาปิรุส และแผ่นดินเหนียวที่จารึกเรื่องราวโบราณเหล่านั้นเป็นทรัพยากรสารสนเทศอย่างแท้จริง เพราะเมื่อคนยุคปัจจุบันได้ค้นพบศึกษาเรียนรู้โดยการ พยายามอ่านและแปลความหมายทำให้ได้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของคนอิยิปต์ และคนเมโสโปเตเมีย มากมาย คนยุคโบราณเหล่านั้นเก็บสะสมทรัพยากรสารสนเทศที่เขาสร้างขึ้นไว้ในที่รวมกันเรียกว่าห้องสมุด (library) เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษาและการให้คนที่ต้องการอ่านได้ใช้ประโยชน์ได้สะดวก ห้องสมุดจึงถูกกำหนดว่าเป็นแหล่งรวบรวมสรรพวิทยาการต่าง ๆ ซึ่งหมายถึงความรู้ของมนุษย์มาตั้งแต่โบราณแล้ว (สุทธิลักษณ์ อำพันวงศ์, 2515,1)
อีกประการหนึ่งคนทุกคนสามารถเรียนรู้จากธรรมชาติภายนอกรอบตัวทุกอย่างได้โดยอาศัยประสาทสัมผัส ได้แก่มีสายตามองเห็น มีหูฟังเสียง มีจมูกดมกลิ่น มีลิ้นชิมรสและมีผิวกาย ทุกส่วนสัมผัสสิ่งต่าง ๆ และรู้ได้ การใช้ประสาทสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ทำให้สามารถรู้สภาวะสิ่งนั้น ได้ชัดเจน เช่น ดวงตามองเห็น พืชสัตว์ สิ่งไร้ชีวิตต่าง ๆ ทำให้เห็นความแตกต่าง หูฟังเสียงต่าง ๆ หลากหลาย จมูกดมกลิ่นต่าง ๆ ได้ ทำให้เกิดความรู้จากการสัมผัสนั้น ๆ ทุกครั้ง ทำให้เกิดความรู้ขึ้นในตัวคนตลอดเวลาและดำรงอยู่ตลอดไป จึงสามารถกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่าแหล่งความรู้อยู่ที่ธรรมชาติแวดล้อมตัวคนนั่นเอง ดังนั้นหากพิจารณาแหล่งความรู้ตามความหมายนี้ความรู้จึงมีอยู่ในทุกที่ทุกแห่งในโลก และในจักรวาลที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ กล่าวโดยสรุปแหล่งความรู้จึงหมายถึง
1) ตัวคนแต่ละคน ทุกคน เพราะสามารถให้ความรู้แก่ผู้อื่นได้
2) ทรัพยากรสารสนเทศ และแหล่งรวมทรัพยากรสารสนเทศ หมายถึง วัสดุบันทึกข้อมูล
และสารสนเทศทุกชนิด ทุกประเภท ตั้งแต่ยุคโบราณที่มีวิธีการบันทึกธรรมดามาถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งใช้เทคโนโลยีการบันทึกที่มีประสิทธิภาพมากซึ่งเรียกง่าย ๆ ว่า ไอที (I.T : information technology) และแหล่งรวมทรัพยากรสารสนเทศที่เรียกว่าห้องสมุดด้วย
3) ธรรมชาติทั่วไปที่ปรากฏแก่มนุษย์ ทั้งที่เป็นสิ่งมีชีวิตและไร้ชีวิต
หน้าสารบัญ
ปรับปรุงล่าสุด วันที่ 28 พฤษภาคม 2551
รศ.ดร.จุมพจน์ วนิชกุล
chumpot@hotmail.com
|
|